วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

ไหว้แล้ว...หลวงตา-->>HOT STORY<<--

       

        เรื่องเกิด ณ กลางดึกของกลางคืน..คืนหนึ่ง.. ขณะที่หมอแบงค์(สมัยเป็นExtern)กำลังอยู่เวรที่ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน(Emergency Room)ของโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์(สำหรับน้องที่ลืมไปแล้ว.....ก็โรงพยาบาลประจำคณะแพทย์ศาสตร์ มศว) ขณะนั้นหมอแบงค์กำลังอยู่ในช่วงง่วงถึงขีดสุด เตรียมจะไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เต็มทแก่แล้ว พร้อมที่จะฟุบหลับลงกับโต๊ะตรวจได้ทุกเมื่อc(-_-)ZZzz

       ทันใดนั้น!! ประตูห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉินก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงกรีดร้อง.....



ช่วยด้วย!! หมอ..ช่วยด้วยสามีของป้าจะตายแล้ว อือๆๆT_Tคุณป้าปล่อยโห่ออกมาหลังจากตะโกนร้องให้ช่วยเสร็จ

"คุณป้าใจเย็นๆก่อน เกิดอะไรขึ้น ตั้งสติก่อนแล้วค่อยๆพูดค่อยๆจากัน" พี่พยายามบอกให้คุณป้าตั้งสติให้ดี...ทั้งๆที่จริงๆแล้วพี่ก็ตกใจอยู่เหมือนกัน (เหอๆก็แบบว่ากำลังจะหลับ จู่ๆก็มีคนพรวดพราดเข้ามาส่งเสียงดังซะขนาดนี้ - -")

โส  รีบไปตามพี่เพลงมาดูเร็ว" หมอแบงค์รีบบอกโส(เพื่อนสนิท)ให้ไปตามพี่เพลงซึ่งเป็น Intern1 แพทย์ใช้ทุนประจำห้องฉุกเฉินวันนั้นมาดู...คุณลุงสามีของคุณป้าที่เพึ่งถูกบุรุษพยาบาลเข็นเข้ามา 

หลังจากที่ได้เดินไปดูคุณลุงที่เตียงที่เพึ่งถูกเข็นเข้ามาก็พบว่าคุณลุงสภาพแย่มาก 
                    โดยมีอาการ
                        - พูดไม่ได้ รู้สึกเหมือนลิ้นคับปาก
                        - หนังตาตก ลืมตาไม่ขึ้น
                        - มีหายใจลำบาก ร่วมกับแขนและขาไม่มีแรง


            ข้อมูลเพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยโรคหรอกครับน้องๆ การวินิจฉัยโรคทางการแพทย์นั้นอยู่ที่การซักประวัติตรวจร่างกายคนไข้ประมาณ 80 % ที่เหลืออีก 20 % นั้นคือการวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ เช่น เจาะเลือดตรวจ ส่งfilm X-ray เป็นต้น ดังนั้นสำหรับคุณลุงคนนี้ขั้นตอนต่อไปที่ควรทำมากที่สุดคือ กลับไปถามข้อมูลจากคุณป้าเพิ่มเติม(ต้องไปถามอย่างเร่งด่วนนะ เนื่องจากคนไข้เริ่มแย่แล้ว!!)

          "คุณป้าค่ะ ตั้งสติหน่อยค่ะช่วยเล่าอาการของคุณลุงให้ฟังหน่อยว่าจู่ๆ เป็นแบบนี้ได้อย่างไรสำคัญมากเลยนะที่คุณป้าต้องเล่าอาการของคุณลุงให้หมอฟัง"  พี่เพลง แพทย์ใช้ทุนสาวสวยเน้นย้ำคุณป้าอีกครั้ง

          "คุณหมอค่ะ.... สะ.สะ...สามีป้าโดนเจ้านี่กัดที่ขา!!"  หลังพูดจบคุณป้าก็เอามือล้วงในกระเป๋า แล้วโยนถุงพลาสติกที่ข้างในมี ของบางอย่างอยู่ภายในลงมาที่พื้นห้อง 


        "ไหน น้องแบงค์ลองไปดูหน่อยสิว่ามันคืออะไร"  พี่รีบไปเปิดถุงนั้นออกตามคำสั่งทันที แล้วถึงกับผะงักเมื่อเห็นว่าสิ่งที่อยู่ภายในมันคือ                                     
          
                                          l
                                          l
                                          l
                                          V
                                      เจ้านี่
"นี่มันงูนี่หว่าาา!! แถมเป็นงูพิษซะด้วย"  หมอแบงค์อุทานเสียงดัง 

           พี่เพลงรู้ดังนั้นแล้วจึงรีบไปดูคุณลุงอีกรอบ พร้อมทั้งเขียนคำสั่งรักษาให้คุณพยาบาลให้เตรียม AntiVenum มาให้พร้อม ปรากฏว่าคุณลุงหายใจลำบากกว่าเดิมมาก ค่าความอิ่มตัวของ oxygen ในเลือดที่วัดจากปลายนิ้วต่ำลงเหลือ 89% แสดงว่าคุณลุงเริ่มมีภาวะหายใจล้มเหลวแล้ว พี่เพลงจึงตัดสินใจใส่ท่อช่วยหายใจให้คุณลุงในทันที !! ----> ผลคือคุณลุงหายใจดีขึ้น ค่าความอิ่มตัวของ oxygen ในเลือดที่วัดจากปลายนิ้วเพิ่มขึ้นมาเป็น 98 % แสดงว่าคุณลุงอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแล้ว

        หลังจากช่วยคุณลุงให้พ้นจากภาวะวิกฤติแล้ว พวกเราได้แก่ หมอแบงค์ พี่เพลง และโส จึงเริ่มตรวจร่างกายคุณลุงอย่างละเอียดใหม่และพบรอยเขี้ยว(Fang mark) เป็นลักษณะ รูสองรู ที่นิ้วเท้าดังรูป


        หมอแบงค์ก็เกิดความสงสัยว่า เอ๋...เจ้างูตัวร้ายตัวนี้มันเป็นงูอะไรนะ และพี่เขารู้ได้อย่างไรถึงสามารถสั่งเซรุ่มได้ถูกชนิดงู จึงรีบถามคำถามที่สงสัยนั้นกับพี่เพลง


             "อ้อง่ายมากค่ะน้อง งูพิษแต่ละชนิดมันจะมีลักษณะที่แตกต่างกันในตัวของมัน อย่างงูที่กัดคุณลุงตัวนี้คือ งูเห่าค่ะ สังเกตได้จากลายดอกที่หลังหัวมันพบเฉพาะในงูชนิดนี้ ส่วนอีกอย่างที่ช่วยก็คือต้องดูว่าในแถบนี้เป็นถิ่นที่งูอะไรชุกอย่าง เช่น ถ้าเป็นภาคใต้งูที่พบบ่อยก็คืองูกะปะ แต่สำหรับท้องทุ่งนา จังหวัดนครนายกของเราก็ต้องเจ้างูเห่านี้ล่ะ"  ฟังแล้วพี่ถึงกับกระจ่างถึงบางอ้อในทันที และรีบกลับไปหยิบเจ้างูในถุงมาดูอีกรอบก็เป็น....ตามที่พี่เขาว่าจริงๆ

                                  
           และก็ไปถามคุณป้าว่าไปโดนงูกัดที่ไหนมา (ตอนนี้คุณป้าแกดูมีสติมากขึ้นแล้ว) คุณป้าจึงได้เล่าว่าขณะเดินทางกลับบ้านโดยผ่านคันนากับคุณลุง ตอนนั้นมันช่วงหัวค่ำไฟส่องตามทางบริเวณนั้นก็ไม่เพียงพอ คุณลุงได้สะดุจบางอย่างนึกว่าเป็นขอนไม้ จึงได้เตะให้พ้นทาง ปรากฎว่าเจ้าขอนไม้ที่เตะไปก็คือเจ้างูนี่หล่ะ พอโดนกัด สามีป้าแค้นมากเอาท่อนไม้(อันนี้ของจริง)ตีเจ้างูจนตายเลย

            "อ้าวแล้วหลังจากโดนงูกัดไปไหนมาเหรอครับ ทำไมไม่รีบพาคุณลุงมาโรงพยาบาล" พี่ถามด้วยความสงสัย

            "อ้อ....ป้าก็คิดจะพามานะ แต่ตาลุง สามีป้ามันบอกว่าไม่ต้อง ให้พาไปวัดแทน"

            "วัด เหรอครับ-_-" ??"

             "ใช่แล้วค่ะ ตาลุงมันบอกว่ามีหลวงตาที่วัดเก่งกาจด้านวิชาสมุนไพรรักษาโรคจึงให้พาไปหา"

              "แล้วไปถึงหลวงตาทำอะไรบ้างครับ"  พี่สงสัยมาก

              "หลวงตาแกก็เอาสมุนไพรฟอกตรงบริเวณที่ถูกกัดให้ แล้วก็สวดมนต์ร่ายคาถา แต่หลวงตาแกสวดไปสวดมาสามีป้ามันก็ไม่มีแรงขึ้นมา มีลิ้นคับปากพูดไม่ได้ ป้าเห็นท่าจะไม่ดีแล้วเว้ยเลยจะพามาโรงพยาบาล แต่ก็มีปัญหา " 

             "ปัญหาอะไรเหรอครับ?"  พี่ถามคุณป้าด้วยความสงสัย

            "ก็หลวงตาแกไม่ให้ไป แล้วก็บอกว่ายังสวดคาถาไม่เสร็จเลย จะให้ไปได้ยังไง ตอนนั้นป้าถึงกับลมจับ ต้องอ้อนวอนตั้งหลายทีกว่าหลวงตาแกจะยอมปล่อยป้ากับสามีมา"

               "ไหว้.....แล้วหลวงตาปล่อยสามีป้าไปโรงพยาบาลเถอะ "นั้นแหละกว่าหลวงตาจะยอม

             จบแล้วนะครับกับเรื่อง ไหว้....แล้วหลวงตา เป็นยังไงกันบ้างครับสนุกไหมครับ เรื่องนี้หมอแบงค์นำมาเขียนมีจุดมุ่งหมายอยู่ 2 ประการ

          1. เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ยังมีชาวบ้านอีกมากที่ยังรักษาอาการเจ็บป่วยโดยอาศัยความเชื่อในท้องถิ่นนั้นๆ

             2. แสดงให้เห็นถึงการเรียนแพทย์ในระดับชั้นคลีนิกที่เป็นไปในลักษณะ "พี่สอนน้อง" เมื่อเราอยู่ในระดับชั้นคลีนิกนั้นเราต้องขวนขวายหาความรู้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจากการฟังอาจารย์สอนในห้องเรียน การอ่านหนังสือเอง หรืออาศัยระบบเกื้อกูลที่หมอรุ่นพี่จะถ่ายทอดความรู้ของตนให้กับรุ่นน้อง หมอแบงค์คิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีนะ

             เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยก่อนจากกัน

          พิษงูที่พบในประเทศไทยนั้นแบ่งไปเป็น 3 ชนิด คือ พิษงูที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท พิษงูที่มีฤทธิ์ต่อระบบเลือด และพิษงูที่มีฤทธิ์ต่อระบบกล้ามเนื้อ

             วันนี้หมอแบงค์จะพูดถึงงูที่มีพิษต่อระบบประสาท(Neurotoxin) เท่านั้น โดยงูที่มีพิษดังกล่าวได้แก่

            - งูเห่าไทยและงูเห่าพ่นพิษ (Cobra & spitting cobra ; Naja Kaouthia & Naja siamensis )

            - งูจงอาง (King cobra ; Ophiophagus hannah)       
   
            - งูสามเหลี่ยม (Banded krait ; Bungarus fasciatus)            
           - งูทับสมิงคลา (Malayan krait ; Bungarus candidus
           จำยากใช่ไหมครับ หมอแบงค์มีสูตรลัดช่วยจำง่ายๆ โดยให้ท่องจำว่า
            "จงอางเห่าสามที"
             จงอาง = งูจงอาง    
             เห่า = งูเห่า
             สาม = งูสามเหลี่ยม

             ที = งูทับสมิงคลา
             ไว้คราวหน้าพี่หมอแบงค์จะมาบอกวิธีแยกระหว่างงูพิษกับงูไม่มีพิษ และวิธีปฐมพยาบาลผู้ถูกงูพิษกัด ไว้ติดตามมาอ่านได้นะครับ                                                   
                                           เรื่องโดย ~หมูสนาม~

พี่หมอ
คำเตือน
บทความนี้ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์แล้วหากผู้ใดคัดลอกโดยไม่อ้างอิงที่มา จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ทางปัญญา